ดอกกุหลาบ ดอกกุหลาบนับได้ว่าเป็นท่ามาตรฐานของการแสดงความรักในธรรมเนียมสากล และยังสามารถแปลความได้หลากหลายผ่านภาษาดอกไม้ เพราะกุหลาบแต่ละสีก็มีความหมายในตัวเองต่างกัน เช่น กุหลาบแดง หมายถึง ฉันรักเธอ แต่หากเป็นกุหลาบเหลือง จะหมายถึงความรักฉันเพื่อน ทำไมดอกกุหลาบกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งรัก?
5 เท่า! ช็อกโกแลตสังเคราะห์ปริมาณ 100 กรัม ราคา 20 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 660 บาท) ในขณะที่ช็อกโกแลตธรรมดาราคาเพียง 3 ดอลลาร์ (ประมาณ 99 บาท) เท่านั้น ทำให้ทีมนักวิจัยต้องหาหนทางลดต้นทุนการผลิตต่อไป เพื่อให้ช็อกโกแลตสังเคราะห์กลายเป็นอาหารทางเลือกของผู้บริโภคได้ เพราะหากสามารถทำให้คนสนใจกินช็อกโกแลตสังเคราะห์มากกว่าออริจินัลได้ อาจจะช่วยลดการตัดต้นไม้ทำลายป่าและลดการใช้แรงงานเด็กในอุตสาหกรรมการผลิตช็อกโกแลตได้ ปัจจุบันเรามีอาหารสังเคราะห์จำพวกของคาวออกมานับไม่ถ้วนที่รสชาติเหมือนจริงจนรู้สึกเซอร์ไพรส์ แถมบางโปรดักต์ก็เกินจริงด้วยซ้ำไป (เพราะมันอร่อยกว่าของจริงอีก! ) ไม่ว่าจะเป็นนักเก็ต เนื้อสเต๊ก หรือแฮมเบอร์เกอร์ แต่ยังไม่เคยเห็นใครผลิตของหวานในรูปแบบ Lab-grown ยิ่งเป็น 'ช็อกโกแลต' ขนมสุดคลาสสิกด้วยแล้วล่ะก็ ถือว่าสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศแรกของโลกที่ทำได้ และยังเป็นก้าวสำคัญของวงการอาหารอีกด้วย Sources: Freethink | Wonderful Engineering | Chocolate Lab-grown Zurich University of Applied Sciences (ZHAW) อาหารอนาคต เนื้อสังเคราะห์
เปิดเตาอบที่ 180 องศาเซลเซียส เตรียมพิมพ์เค้กขนาด 9 นิ้ว สองพิมพ์ ทาเนย และรองด้วยกระดาษไขที่ก้นพิมพ์ 2. ร่อนส่วนผสมแห้งเข้าด้วยกัน แป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือ ใส่ลงในโถผสม ใส่น้ำตาลทรายทั้งสองตามลงไป ใช้หัวตีตะกร้อตีให้ส่วนผสมกระจายผสมกันทั่วดี 3. ผสมผงโกโก้กับน้ำร้อน คนให้เข้ากันจนมีลักษณะเป็นซอสข้นๆ ใส่นมสด น้ำมัน ไข่ไก่ และวานิลลาตามลงไป ผสมให้เข้านั้น นำส่วนผสมผงโกโก้ใส่ลงในโถผสมใหญ่ ตีให้เข้ากันดี 4. นำไข่ขาวและครีมออฟทาร์ทาร์ ใส่โถตีแล้วตีด้วยความเร็วสูงสุด ตีจนฟองขึ้นหยาบ ๆ จึงค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทรายป่นลงไปจนหมด ตีจนไข่ขาวตั้งยอด 5. ตักส่วนผสมไข่ขาวที่ตั้งยอดแข็งลงไปตะล่อมกับส่วนผสมแป้งที่ตีไว้ ใช้ตะกร้อมือคนผสมให้เข้ากันอย่างเบามือ 6. แบ่งส่วนผสมใส่พิมพ์ให้เท่าๆ กัน นำเข้าอบเป็นเวลา 25 นาที พักให้เย็นลงใช้มีดปาดผิวหน้าให้เรียบ 7. ทำส่วนผสมของ ช็อกโกแลตหน้านิ่ม โดยนำผงวุ้น ผสมกับน้ำตาลทราย เพื่อให้ผงวุ้นกระจายตัวดี ใส่น้ำตาลทรายแดง ผงโกโก้สีอ่อน น้ำสะอาด 250 มิลลิลิตร และนมข้นจืด200 กรัม นำไปตั้งไฟให้เดือดดี คนให้ส่วนประกอบไม่เป็นก้อน 8. นำนมข้นจืดส่วนที่เหลือ150 กรัม ผสมกับแป้งข้าวโพดคนให้ละลายดี ค่อยๆ ใส่ลงในส่วนประกอบหน้าช็อกโกแลต คนให้ข้นขึ้น หั่นเนยเป็นก้อนเล็ก ใส่ลงไปทีละก้อน คนไปด้วย ใส่เนยจนหมด หน้าช็อกโกแลตควรมีลักษณะที่สีเข้ม และเงานำหน้าช็อกโกแลตที่ได้ไปหล่อด้วยน้ำเย็นเพื่อให้เย็นตัวลง 9.
ช็อกโกแลต (Photo: Shutterstock) สำหรับสัญลักษณ์ความรักและวาเลนไทน์ชิ้นนี้นับว่าเป็นประดิษฐกรรมอันชาญฉลาดของผู้ผลิตช็อกโกแลต ในปี 1861 เป็นยุคที่ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษคลั่งไคล้ ความรักโรแมนติก การส่งการ์ดและของขวัญเป็นที่นิยม และเริ่มมีการฉลองวาเลนไทน์ในเชิงพาณิชย์มาตั้งแต่ทศวรรษ 1840s สายหวานเตรียมตัว!
เลือกเป็นการกรุกันกระแทกด้วยกระดาษสีเดียวกับริบบิ้น ปัจจุบันนี้เรามักจะมีการรีไซเคิลสิ่งของเหลือใช้กันมากกว่าจะไปซื้อใหม่ โดยการนำเอากระดาษสีๆ ที่เหลือใช้มาทำลายในเครื่องทำลายกระดาษแบบมือก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยทีเดียว คุณควรเลือกโทนสีของกระดาษที่เหมาะสม เช่นหากว่าริบบิ้นเป็นสีแดง-สีทอง ก็ให้เลือกกระดาษที่รองด้านล่างเป็นสีแดงและสีทองด้วยจะดีที่สุด เพราะจะช่วยคุมโทนสีให้โดดเด่นและงดงามกว่าเดิมแบบไม่ต้องกังวลใจแต่อย่างใดเลยทีเดียว 4.
หากว่าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังมองหาวิธีห่อกระดาษของขวัญไวน์และช็อกโกแลต สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการพยายามใช้วิธีที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการเลือกกระดาษ เลือกแพ็คเกจจิ้ง และสิ่งอื่นๆ อีกมากมาย โดยวิธีในการห่อกล่องของขวัญสำหรับ ไวน์ ช็อกโกแลต นี้ มีหลักเกณฑ์อย่างไรบ้าง มาดูพร้อมๆ กันเลย 1. เลือกกล่องแบบที่ใส่ของ ไวน์ ช็อกโกแลต ได้พอเหมาะ เนื่องจากว่ากล่องของขวัญที่เหมาะสม จะต้องเลือกเป็นกล่องที่มีขนาดพอเหมาะพอควร ของจะต้องไม่เบียดกันเกินไป อีกทั้งก็จะต้องไม่ว่างโหวงเหวง จนกระทั่งไปทำให้กล่องดูโคลงเคลง อาจจะกล่าวได้ว่าการเลือกกล่องเป็นกุญแจสำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ หากเราละเลยการเลือกกล่องดังที่กล่าวมาข้างต้นนี้แล้วก็รับรองได้เลยว่าของขวัญจะสวยน้อยลงอย่างแน่นอน 2. เลือกผ้าริบบิ้นมาห่อให้สวยงาม สำหรับใครที่ต้องการให้ห่อไวน์และช็อกโกแลตของเราสวยงาม แนะนำเลยว่าให้เลือกเป็นผ้าริบบิ้นที่มีความสดใส อาจจะเลือกจับคู่โทนสีให้เหมาะสมก็ได้เช่นกัน โดยปกติแล้วเวลาที่เราห่อของขวัญช่วงปีใหม่ เราก็มักจะเลือกจับคู่สีที่มีความเป็นมงคล ยกตัวอย่างเช่น "สีแดง-สีทอง" "สีเขียว-สีทอง" แต่ละสีที่จับคู่กัน จะเพิ่มควาตระการตาให้กับกล่องของขวัญมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน 3.