ผู้ป่วยและครอบครัวได้รับข้อมูลเกี่ยวกับแผนการรักษา ผลลัพธ์ที่คาดหวังและประมาณค่าใช้จ่ายในการรักษาแก่ผู้ป่วยหรือครอบครัวเพียงพอที่จะตัดสินใจเข้ารักษาเป็นผู้ป่วยใน และ กรอกแบบฟอร์มหนังสือแสดงความยินยอมเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ป่วยเซ็นยืนยันแบบฟอร์มนี้ต้องมีแพทย์หรือพยาบาลที่ให้การรักษาเป็นพยาน 12. กรณีต้องมีการทำหัตถการหรือส่งตรวจวินิจฉัย ผู้ป่วยหรือครอบครัวจะได้ทราบรายละเอียดในการทำ ข้อจำกัดและให้การเซ็นยินยอมก่อนการทำหัตถการหรือส่งตรวจวินิจฉัยให้เรียบร้อยก่อนทำหัตถการหรือส่งตรวจวินิจฉัยทุกครั้ง 13. ผู้ป่วยจิตเวชที่มีภาวะคุกคามทางกาย ทีมเจ้าหน้าที่รับผู้ป่วยในต้องแจ้งญาติให้ทราบถึงข้อจำกัดของโรงพยาบาลในการให้การดูแลรักษาผู้ป่วยจิตเวช ให้แจ้งญาติเฝ้าอาการผู้ป่วยร่วมกับทีมดูแลผู้ป่วยของโรงพยาบาลตลอดเวลา และยินดีให้ส่งต่อไปยังสถาบันเฉพาะเมื่ออาการทางกายดีขึ้น 14. ผู้ป่วยที่รับเป็นผู้ป่วยในทุกรายจะได้รับการผูกป้ายข้อมือสำหรับการ identification ตลอดการ admit โดยในป้ายข้อมือจะระบุชื่อสกุล วันเดือนปีเกิดและ HN สำหรับผู้ป่วยทารกแรกเกิดจะต้องติดป้ายทั้งข้อมือและข้อเท้า 15. กรณีมีผู้ป่วย admit มากกว่า 1 รายในเวลาเดียวกัน ให้จัดลำดับความสำคัญดังนี้ คือ 15.
1 ย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินหรือผู้ป่วยจากห้องพักฟื้นเป็นลำดับแรก 15. 2 ย้ายผู้ป่วยจากหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤตเป็นลำดับสอง 15. 3 ย้ายผู้ป่วยจากห้องผดุงครรภ์เป็นลำดับสาม 15. 4 ย้ายผู้ป่วยจากห้องพักหรือห้องสังเกตอาการเป็นลำดับถัดมา 15. 5 กรณีที่มีข้อโต้แย้งในการเคลื่อนย้าย ให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหรือตัวแทนผู้อำนวยการโรงพยาบาลเป็นผู้ไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทนั้น 16. การดูแลระหว่างเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังแผนกที่รับผู้ป่วย (Ward) ให้จัดทีมร่วมดูแลผู้ป่วยระหว่างนำส่งผู้ป่วย ตามสภาพอาการของผู้ป่วย โดยผู้ป่วยวิกฤตจะต้องมีการเฝ้าระวังอาการเปลี่ยนแปลง และบันทึกการเฝ้าระวังอาการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะจนกว่าจะถึงแผนกที่รับผู้ป่วย 17. กรณีที่ยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้ ให้ทีม OPD หรือ ER ดูแลผู้ป่วยตามปัญหาทางคลินิกตามความจำเป็น และสื่อสารเหตุผลความจำเป็นแก่ผู้ป่วยและผู้มีสิทธิตัดสินใจแทนผู้ป่วยเป็นระยะ โดยมีพยาบาลหัวหน้าเวร รับผิดชอบประสานงานให้ผู้ป่วยได้รับไว้ในแผนกผู้ป่วยในเป็นระยะ และบันทึกสัญญาณชีพไว้ในเวชระเบียนผู้ป่วยให้ครบถ้วน 18. ในกรณีที่ต้องพาผู้ป่วยไปรับการตรวจวินิจฉัยที่สถานบริการสุขภาพนอกโรงพยาบาล ผู้ป่วยยังคงสภาพเป็นผู้ป่วยในภายใต้ความรับผิดชอบของโรงพยาบาล โดยโรงพยาบาลจะจัดรถ Ambulance พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลติดตามไปดูแลผู้ป่วยตลอดขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยจนแล้วเสร็จ ซึ่งไม่อยู่ภายใต้การปฏิบัติตามนโยบายการขอออกนอกโรงพยาบาลชั่วคราว (Temporary leave out of hospital Policy) 19.
หัวหน้าในแต่ละแผนกรับผิดชอบในการติดตามการปฏิบัติงานในความรับผิดชอบ รายงานผลงานหรือผลการติดตามตัวชี้วัด และนำผลลัพธ์ของตัวชี้วัดหรือรายงานอุบัติการณ์ ที่ได้ไปกำหนดแผนพัฒนาคุณภาพในงานของตน