โรคราสนิมขาว เกิดมาจากเชื้อรา Albugo ipomoea-aquaticae Sawada พบได้บ่อยในพืชผักทั่วไป พืชที่ติดโรคนี้จะมีจุดซีดๆสีขาวหรือเหลือง และปุ่มเล็กๆตั้งแต่ใบไปจนถึงลำต้น ผู้ที่ปลูกพืชผักในแถบภาคเหนือควรต้องระวังให้มากๆ โดยโรคนี้จะระบาดได้ง่ายในช่วงอากาศหนาว เชื้อราจะเจริญเติบโตได้ดีที่อุณหภูมิราว 4-24 องศา 7. โรคเน่าคอดิน สาเหตุคือเชื้อรา Pythium sp. หรือ Phytophthora sp. โดยจะเกิดขึ้นกับต้นกล้า โดยเฉพาะในแปลงที่ต้นกล้าถูกปลูกไว้อัดแน่นกันจนเกินไป อาการของโรคได้แก่ ส่วนโคนติดดินจะมีรอยเน่าช้ำและแห้ง ปล่อยไว้นานๆจะทำให้ต้นกล้าตายได้ ยิ่งในช่วงฤดูหนาวและฤดูฝน ผลกระทบจากโรคจะยิ่งร้ายแรงมากกว่าปรกติ 8. โรคเน่าเละ สาเหตุของโรคมาจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า Erwinia carotovora subsp. carotovora เป็นโรคร้ายสำหรับบรรดาพืชผัก อาการของโรคคือจะมีรอยช้ำจนกระทั่งเน่าไปทั่ว พืชจะเหี่ยวและตายในที่สุด โรคนี้แพร่ระบาดได้แมลงพาหะ หรือเมือกจากรอยเน่ากระเด็นไปถูกพืชผักที่อยู่ใกล้ๆกัน อย่ารอช้า! อย่าปล่อยให้พืชตายก่อนมากำจัดโรคพืชตัวร้ายทั้งหมดด้วย"ไบออนแบค" ไบออนแบคคืออะไร? ไบออนแบคอยู่ในกลุ่ม Bacterium และประกอบด้วยแบคทีเรียชนิดดีที่เรียกว่า Bacillus subtillsY1336 เป็นผลิตภัณฑ์กำจัดโรคพืชตัวเด่นจาก ICP Ladda โดยถูกทำมาเพื่อปกป้องพืชจากเชื้อราและแบคทีเรียโดยเฉพาะ ถือเป็นไอเท็มสำคัญที่เกษตรกรทุกคนควรมีเลยก็ว่าได้ เพราะผลิตภัณฑ์ตัวนี้เพียงตัวเดียวก็สามารถกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราและแบคทีเรียได้อย่างครอบคลุม ใช้ได้กับพืชทุกชนิด ไบออนแบคออกฤทธิ์อย่างไร?
คลอสตริเดียม เพอร์ฟริงเจนส์ (Clostridium perfringens) พบเชื้อได้มากในสภาพแวดล้อมทั่วไป เช่น ดิน แหล่งน้ำ อากาศ สิ่งปฏิกูลต่างๆ อาหารที่พบการปนเปื้อนบ่อยได้แก่ น้ำพริกต่างๆ กะปิ อาหารดิบ เนื้อสัตว์ เมื่อได้รับเชื้อเข้าไป จะเกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดบิด แต่ไม่มีไข้ การป้องกันเชื้อโรคที่มากับอาหาร 1. ล้างมือให้สะอาดเมื่อจะประกอบอาหาร ก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ 2. ดูแลอุปกรณ์ประกอบอาหาร และสถานที่ประกอบอาหารให้สะอาด 3. แยกโซนอาหารดิบและอาหารที่สุกแล้ว 4. แยกเขียงที่ใช้สำหรับหั่นผักและหั่นเนื้อสัตว์ หลังประกอบอาหารเสร็จให้ล้างเขียงทุกครั้ง รวมถึงมีดก็ต้องแยกเช่นกัน 5. ปรุงอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์ให้สุก 100% หลีกเลี่ยงการดื่มนมดิบและไข่ดิบ 6. น้ำผลไม้หากไม่ได้ทำดื่มเอง ควรผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ทุกครั้ง 7. เก็บรักษาวัตถุดิบที่เน่าเสียง่ายในตู้เย็นที่อุณหภูมิประมาณ 4 องศาเซลเซียส 8. วัตถุดิบบางอย่าง เช่น ถั่ว พริกไทย หอม กระเทียม ควรเก็บในที่แห้งสนิท เพราะหากอยู่ใกล้ความชื้น อาจจะทำให้ปนเปื้อนสารอะฟลาท็อกซินได้ 9. ทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ เสมอ หากปรุงสุกแล้วแต่ยังรับประทานในทันทีให้เก็บอาหารไว้ในที่ที่อุณหภูมิต่ำและอุ่นร้อนก่อนรับประทานเสมอ 10.
โรคซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome – SARS) โรคซาร์สหรือโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสซาร์ส สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ผ่านสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ อาการที่สามารถสังเกตได้คือ ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดกล้ามเนื้อ ไอ หายใจลำบาก ท้องเสีย (ในบางราย) ปอดอักเสบ และอาจเสียชีวิตได้ 12. โรคเมอร์ส (Middle East Respiratory Syndrome – MERS) โรคเมอร์สก็เกิดจากโคโรนาไวรัสเช่นเดียวกัน แต่โรคนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศแถบตะวันออกกลาง โดยมีอูฐและค้างคาวเป็นพาหะของโรค ดังนั้นชื่อของโรคเมอร์สอีกชื่อหนึ่งจึงเรียกกันว่า โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางนั่นเอง ส่วนอาการแสดงของโรคนี้จะเริ่มจากอาการไข้ ไอ หอบ บางรายอาจมีอาการท้องเสีย อาเจียน หรือถ้าเป็นหนักจะมีภาวะปอดอักเสบ ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว อวัยวะล้มเหลว ไตวาย เสี่ยงต่อการเสียชีวิต 13. วัณโรคดื้อยาหลายขนานชนิดรุนแรงมาก (Extensively drug – resistant tuberculosis | XDR-TB) โรควัณโรคที่มีการดื้อยา 4 ขนานร่วมกัน ได้แก่ ไอโซไนอะซิด (Isoniazid) ไรแฟมพิซิน (Rifampicin) กลุ่มยาฟลูออโรควิโนโลน (Fluoroquinolones) และกลุ่มยาทางเลือกที่สอง ที่เป็นยาชนิดฉีด (Second-line injectable drugs) ซึ่งหมายความว่า วัณโรคชนิดนี้จะไม่สามารถใช้ยาดังกล่าวรักษาให้หายได้ ดังนั้น ผู้ป่วยมีโอกาสในการแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นๆ ได้ง่าย แถมตัวเองยังมีความเสี่ยงที่อาการป่วยจะรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ด้วย 14.
อาหารต่างๆ ที่เราทานกันอยู่ทุกวันนี้ล้วนผ่านกระบวนการต่างๆ มามากมาย ตั้งแต่การปลูก การเลี้ยง ตลอดจนกระบวนการเก็บรักษา รวมไปถึงในขณะกำลังประกอบอาหารด้วย ซึ่งล้วนมีความเสี่ยงของการเกิด และปนเปื้อนของเชื้อโรคสู่อาหาร ซึ่งบางโรคอาจไม่อันตราย แต่บางโรคหากรักษาไม่ทันการณ์ อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ เมื่อเป็นอย่างนี้... เราผู้บริโภคควรรู้วิธีป้องกันตนเองให้ห่างไกล โรคที่เกิดจากอาหาร กันหน่อยดีไหม? รู้จักกับ... เชื้อโรคที่มากับอาหาร 1. เชื้อซัลโมแนลล่า (Salmonella spp. ) เชื้อนี้สามารถพบได้ในสัตว์ปีก เช่น เป็ด ไก่ และวัว ตัวอย่างอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อนี้ได้แก่ น้ำนมดิบ ไข่ดิบ อาหารสุกๆ ดิบๆ หากได้รับเชื้อนี้จะทำให้เป็นโรคอาหารเป็นพิษ อาการจะเริ่มปรากฏใน 6-72 ชั่วโมง โดยจะมีอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้สูง 2. เชื้อบาซิลัส ซีเรียส (Bacillus cereus) พบเชื้อนี้ได้ในดิน อาหารที่มีโอกาสปนเปื้อนสูงเช่น ผลไม้ที่มีผลอยู่ติดดิน ธัญพืชต่างๆ เต้าเจี้ยว เป็นต้น อาจจจะได้รับเชื้อเข้าได้จะอาเจียน "กระเทียม" สรรพคุณ-ประโยชน์ของกระเทียม ตำรับยาโบราณ จากรุ่นสู่รุ่น 3. สตาฟิโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) แหล่งพบเชื้อแหล่งใหญ่ที่สุดคือร่างกายของคน เช่น บาดแผลตามร่างกาย ผิวหนัง ลำคอ โพรงจมูก ฝี อาหารที่มีโอกาสปนเปื้อนได้มากคืออาหารที่มักหยิบจับด้วยมือเปล่าเช่น ข้าวมันไก่ ขนมจีน ขนมปัง แหนม เป็นต้น เชื้อนี้เมื่อปนเปื้อนลงไปกับอาหารแล้วจะทนความร้อนสูง ถึงแม้ว่าจะต้มในน้ำเดือดนานถึงครึ่งชั่วโมงก็ตาม เมื่อได้รับแล้วจะก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ 4.
ทำให้ยากจนลง (Poor coordination) 3. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (เกิดจากการขาดสติเพราะดื่มสุรา) เช่นโรคเอดส์ กามโรค 4. โรคผิวหนัง 5. จิตใจเฉื่อยชา (Mild to moderate mental retardation) 6. ขาดความปลอคภัยในครอบครัว การทำงาน และปัญหาสังคม (Family discord work and social problems) 7. ความต้านทานต่อแอลกอฮอล์มากขึ้น( Increased tolerance to alcohol) 8. ปัสสาวะมากผิดปกติ (Hyperuricemia) 9. ความบกพร่องของความตึงกล้ามเนื้อ (Hypotonia) 10. โรคไมโครเซฟาลี เป็นอาการกะโหลกศรีษะและสมองเล็กกว่าปกติ ผู้ป่วยอาจมีอาการพิการ อื่นๆเช่น ไมโครไจเรีย (Microcephaly) 11. เด็กจะอยู่ไม่นิ่งและทำให้มีพฤติกรรมแสดงออกที่โรงเรียนไปในทางที่ไม่เหมาะสม (Chilhoodhyperactivity and impaired school performance) 12. โรคกระดูกสันหลังพรุน 13. โรคปอดบวม 14. โรคติดสุรา (Alcohol -dependence syndrome) 15. โรคใช้สุราเกินขนาด (Alcohol abuse) 16. อาการเอทธานอลเป็นพิษ(Ethanol and Methanol toxicity) 17. โรคเลือดออกในสมอง (Haemorrhagic stroke) 18. โรคความดันโลหิตสูง(Hypertension) 19. กลุ่มโรคความผิดปกติของเด็กในครรภ์ที่มารดาดื่มแอลกอฮอล์(Fetal Alcohol Spectrum Syndrome) ผลต่อทารกจากกการดื่มสุราของมารดา 1.
หลังรับเชื้อนานเท่าไรจึงจะมีอาการป่วย (ระยะฟักตัว)? ชื่อโรค สาเหตุ ระยะฟักตัว ซิฟิลิส เชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum 10 – 90 วัน ( เฉลี่ย 21 วัน) หนองในแท้ Neisseria gonorrhoeae 2 – 7 วัน หนองในเทียม Chlamydia trachomatis เฉลี่ย 7 วัน เริม เชื้อไวรัส Herpes simplex virus 2 – 14 วัน เอชพีวี เชื้อไวรัส Human papilloma virus 3 เดือน จนถึงหลายปี อาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นอย่างไร?
โรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์ (Nipah virus disease) เป็นโรคติดต่อที่ระบาดครั้งแรกในหมู่บ้านสุไหงนิปาห์ ประเทศมาเลเซีย มีพาหะจากสัตว์อย่างค้างคาวผลไม้ สุกร ม้า แมว แพะ หรือแกะ โดยเชื้อตัวนี้จะก่อให้เกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรงในทางเดินระบบหายใจ เกิดภาวะสมองอักเสบ เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ 8. โรคติดเชื้อไวรัสมาร์บวร์ก (Marburg virus disease) เป็นหนึ่งในโรคไข้เลือดออกที่มีต้นเชื้อมาจากลิงและค้างคาว มักจะระบาดหนักในแถบอูกันดา โดยเชื้อนี้อาจมีความรุนแรงกว่าเชื้ออีโบลา อาการแสดงคือ มีไข้สูงเฉียบพลัน อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะมาก ตามมาด้วยอาการเจ็บคอ ท้องเสีย มีผื่นนูนแดงตามตัว และมีอาการเลือดออกง่าย ซึ่งมักเกิดร่วมกับภาวะตับถูกทำลาย ไตวาย ช็อก และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมาก 9. โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา (Ebola virus disease – EVD) โรคอีโบลามีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสอีโบลา โดยมีแหล่งรังโรคอยู่ในลิงป่าและค้างคาวกินผลไม้ ส่วนการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลานั้นจะติดจากคนสู่คนโดยการสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย และการปนเปื้อนในห้องปฏิบัติการ โรคนี้มีความรุนแรงค่อนข้างมาก และยังแพร่กระจายได้รวดเร็ว 10. โรคติดเชื้อไวรัสเฮนดรา (Hendra virus disease) มีแหล่งกำเนิดเชื้อจากม้าและค้างคาวกินผลไม้ โดยอาการของโรคนี้จะเริ่มจากมีไข้สูง ปวดศีรษะ เจ็บคอ วิงเวียน ซึม สับสน และมักจะพบอาการปอดอักเสบ ในรายที่มีอาการรุนแรง อาจมีภาวะระบบทางเดินหายใจล้มเหลว เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ 11.